วิธีคำนวณ BTU เลือกขนาดห้องกับแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

วิธีคำนวณ BTU

ต้องยอมรับเลยว่าอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นตลอดเวลา ยิ่งเมืองไทยเป็นเมืองร้อนทำให้เราสัมผัสถึงอุณหภูมิความร้อนที่ทวีสูงขึ้นได้ง่าย เมื่ออากาศร้อนระอุขึ้นแบบนี้ก็เป็นธรรมดาที่เราจำเป็นจะต้องหาซื้อแอร์มาติดตั้งในบ้าน แต่หลายคนก็คงจะเคยได้ยินว่าจะซื้อแอร์ต้องรู้วิธีการคำนวณ BTU จะได้เลือกแอร์ที่มีขนาดที่เหมาะสม ทำให้บ้านเย็นขึ้นได้โดยที่ไม่กินไฟมากเกินไป สำหรับมือใหม่เรื่องการเลือกซื้อแอร์ก็คงจะสงสัยว่า BTU แอร์คืออะไร แล้วจะต้องคำนวณอย่างไร มาไขปัญหาเรื่องนี้ไปด้วยกันเลย

BTU (British Thermal Unit) คืออะไร

ก่อนที่จะไปเริ่มคำนวณ BTU ก็ต้องมาทำความรู้จักก่อนว่า BTU คืออะไร กล่าวโดยสรุปง่าย ๆ BTU (British Thermal Unit) เป็นหน่วยวัดความสามารถในการถ่ายเทความร้อนของแอร์ โดยจะเป็นการวัดค่าการถ่ายเทความร้อนจากห้องในช่วงระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกแอร์ขนาด 8,000 BTU นั่นหมายความว่าแอร์เครื่องนั้น จะมีประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนจากห้องในระยะ 1 ชั่วโมงได้ 8,000 BTU เป็นต้น และหากตัวเลข BTU ยิ่งสูงขึ้นนั่นเท่ากับประสิทธิภาพการไล่ความร้อนก็จะยิ่งมากตามไปด้วย อย่างแอร์ขนาด 12,000 BTU จะมีประสิทธิภาพไล่ความร้อนได้มากกว่าแอร์ขนาด 8,000 BTU นั่นเอง

กล่าวเช่นนี้ หลายคนอาจจะคิดเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้เวลาจะซื้อแอร์สักเครื่องก็เลือก BTU สูง ๆ ไปเลยจะได้เย็นเร็ว ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะบ้านแต่ละหลัง ห้องแต่ละห้อง ก็จะมีความแตกต่างกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเสมอไป อย่าลืมว่ายิ่ง BTU สูงก็ยิ่งส่งผลต่อเรื่องของค่าไฟ ดังนั้นจึงควรเลือก BTU ของแอร์จึงควรให้สอดคล้องกับขนาดของห้อง

วิธีคำนวณ BTU

2 วิธีคำนวณ BTU เลือกขนาดห้องกับแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

วิธีคำนวณ BTU โดยใช้สูตรพื้นที่ห้อง 

เมื่อทำความรู้จักกับ BTU ของแอร์เบี้องต้นกันแล้ว ต่อมาก็ลองมาดูวิธีการในการคำนวณ BTU ของแอร์ที่เหมาะสมกับบ้านและห้องของคุณ โดยหลักการคำนวณแบบแรกนี้จะยึดหลักการพิจารณาขนาดห้องกับแอร์ให้สัมพันธ์กัน โดยตัวแปรที่สำคัญก็คือ พื้นที่ห้องและความแตกต่าง อธิบายโดยละเอียดก็คือ

  • พื้นที่ห้อง = ความกว้าง x ความยาว
  • ความแตกต่าง (Cooling load) = ค่าความร้อนโดยประมาณที่เกิดขึ้นภายในห้อง ซึ่งห้องแต่ละแบบ แต่ละขนาด ก็จะมีค่าความร้อนแตกต่างกันไป

เมื่อได้ตัวแปรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณแล้ว ก็มาดูสูตรที่ใช้คำนวณ BTU กัน ซึ่งสูตรที่จะใช้ก็คือ

BTU = พื้นที่ห้อง x ความแตกต่าง

ลองมาดูตัวอย่างกัน สมมุติว่าห้องนั่งเล่นของคุณกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร พื้นที่ของห้องนั่งเล่นคุณก็คือ 4×6 เมตร = 24 ตารางเมตร ต่อมาก็มาดูในส่วนของความแตกต่างของห้อง ซึ่งจะมีมาตรฐานค่าเฉลี่ยกำหนดไว้คร่าว ๆ ดังนี้

  • ห้องนอน: ค่า Cooling load จะอยู่ที่ 700 – 750 BTU/ตารางเมตร
  • ห้องนั่งเล่น: ค่า Cooling load จะอยู่ที่ 750 – 850 BTU/ตารางเมตร
  • ห้องทำงาน: ค่า Cooling load จะอยู่ที่ 800 – 900 BTU/ตารางเมตร

ห้องที่เราจะใช้คำนวณเป็นตัวอย่างในที่นี้ก็คือ ห้องนั่งเล่น ก็จะขอเอาค่าน้อยสุดคือ 750 มาใช้ ในท้ายที่สุดแล้ว การคำนวณก็จะออกมาได้เป็น

24 ตารางเมตร x 750 = 18,000 BTU

สรุปก็คือ ขนาดแอร์ที่เหมาะสมที่จะนำมาติดตั้งในห้องนั่งเล่นของคุณก็คือ แอร์ที่มีขนาด 18,000 BTU นั่นเอง

วิธีคำนวณ BTU สำหรับห้องแต่ละประเภท

นอกจากวิธีการคำนวณข้างต้นที่ยึดหลักการพิจารณาขนาดห้องกับแอร์ให้สัมพันธ์กันแล้ว ก็ยังมีวิธีการคำนวณอีกแบบที่ใช้กัน ก็คือดูจากประเภทของห้องเป็นหลัก วิธีคำนวณก็จะใช้สูตรแบบเดียวกันสูตรคำนวณ BTU ข้างต้น แต่วิธีการนี้จะดูปัจจัยเรื่องประเภทและปัจจัยเรื่องทิศทางการรับแสงมาใช้ประกอบด้วย ทำให้ค่าตัวแปรจะเป็นค่าที่ชัดเจนกว่า ไม่ใช่ค่าโดยประมาณแบบสูตรแรก เช่น

  • ห้องนอนที่ไม่โดนแดด ค่าตัวแปรจะกำหนดอยู่ที่ 750 BTU/ตารางเมตร
  • ห้องนอนที่โดนแดด ค่าตัวแปรจะกำหนดอยู่ที่ 800 BTU/ตารางเมตร
  • ห้องทำงานที่ไม่โดนแดด ค่าตัวแปรจะกำหนดอยู่ที่ 850 BTU/ตารางเมตร
  • ห้องทำงานที่โดนแดด ค่าตัวแปรจะกำหนดอยู่ที่ 900 BTU/ตารางเมตร เป็นต้น

สมมุติว่า เป็นห้องนอนที่ไม่โดนแดด กว้าง 5.5 เมตร ยาว 6 เมตร พื้นที่ของห้องจะได้เป็น 33 ตารางเมตร ก็จะได้สูตรคำนวณเป็น

33 ตารางเมตร x 850 = 28,050 BTU หรือให้เลือกแอร์ขนาด 29,000 BTU นั่นเอง

ข้อดีของการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมสำหรับห้องแต่ละขนาด

การคำนวณ BTU เพื่อเลือกแอร์ที่เหมาะสมสักเครื่องอาจจะดูซับซ้อนสักหน่อย แต่แน่นอนเลยว่ากระบวนการและขั้นตอนนี้มีประโยชน์กับการเลือกซื้อแอร์ของคุณแน่นอน ซึ่งประโยชน์และข้อดีของการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมสำหรับห้องแต่ละขนาดก็คือ

  • ได้แอร์ที่เย็นสบาย เหมาะสมกับการใช้งานและการพักผ่อน
  • ได้แอร์ที่คุ้มค่า คุ้มราคา เพราะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามที่เลือก
  • ได้แอร์ที่ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน ใช้งานได้ดีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟฟ้าที่สูงเกินไป

เหล่านี้ คือวิธีการและความสำคัญของการคำนวณ BTU สำหรับการเลือกซื้อแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน รู้วิธีการแล้วอย่าลืมนำไปปรับใช้กันด้วยนะ แล้วคุณจะได้แอร์ที่เหมาะสมและเต็มไปด้วยความคุ้มค่าอย่างที่ต้องการ